News
วาฬกลายเป็นสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร
วาฬเป็นสัตว์ตัวใหญ่
ใหญ่มากๆ ใหญ่มหึมา ใหญ่อย่างน่าตื่นตะลึง วาฬฟินหนักได้ถึง 140,000 ปอนด์
(ประมาณ 63,500 กิโลกรัม) วาฬหัวคันศร
หนักได้มากถึง 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 90,700
กิโลกรัม) ในขณะที่แม่ใหญ่แห่งวาฬทั้งหลายคือวาฬสีน้ำเงินนั้นสามารถจะหนักได้ถึง
380,000 ปอนด์ (ประมาณ
172.365 กิโลกรัม)เลยทีเดียว
ทำให้วาฬสีน้ำเงินกลายเป็นสัตว์ขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลก วาฬทั้งหลายทำให้เราตื่นตะลึงกับขนาดมโหฬารของพวกมัน
ขณะเดียวกันผู้คนต่างพากันสงสัยว่าวาฬกลายเป็นสัตว์ขนาดมหึมาเช่นนี้ได้อย่างไร ---------------------------- วาฬบาลีนใช้ปากขนาดมหึมาของมันในการกรองกินเคย
และปลา เครดิตภาพ SilverbackFilms/BBC จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร
Proceedings ของ the Royal Society B ทีมนักวิจัยได้สืบค้นวาฬบาลีนขนาดยักษ์ที่กินอาหารโดยการกรองหลายชนิด
ซึ่งรวมถึงวาฬสีน้ำเงิน วาฬหัวคันศร และวาฬฟิน พวกเขาพบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยในทะเลเหล่านี้เพิ่งจะกลายมาเป็นสัตว์ขนาดยักษ์เมื่อ
4.5 ล้านปีที่ผ่านมานี้เอง ส่วนเหตุผลก็คือ การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศทำให้สัตว์ขนาดใหญ่เหล่านี้กินมากจนเกินไป วาฬมีประวัติศาสตร์ด้านวิวัฒนาการที่น่าสนใจ
แรกเริ่มเดิมที เมื่อ 50 ล้านปีก่อน มันเป็นสัตว์ตีนกีบซึ่งอาศัยอยู่บนบก
หลายล้านปีต่อจากนั้น พวกมันพัฒนาครีบขึ้นมาและกลายไปเป็นสัตว์ในท้องทะเล ต่อมาในช่วง 20-30 ล้านปีก่อน บางส่วนของบรรพบุรุษวาฬเริ่มพัฒนาการกินอาหารโดยการกรองขึ้น
หมายถึงว่ามันสามารถจะกินเหยื่อขนาดเล็กที่อยู่รวมกันเป็นฝูงได้โดยการกลืนเพียงครั้งเดียว
แต่แม้จะมีความสามารถในการกินอาหารเช่นนี้ วาฬก็ยังคงเป็นเพียงสัตว์ขนาดใหญ่ปานกลางอยู่เป็นเวลาอีกหลายล้านปี
“แต่แล้วจู่ๆ----.”บูม”---เราก็ได้เห็นมันกลายเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์
อย่างเช่นวาฬสีน้ำเงิน” นิก พเย็นสัน ภัณฑารักษ์ซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล
แห่งสถาบัน สมิทธ์โซเนียน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติด้านประวัติศาสตร์เชิงธรรมชาติและเป็นผู้เขียนรายงานฉบับนี้กล่าว
“เหมือนกับว่า พวกมันขยายจากวาฬที่มีขนาดเท่ารถมินิแวนไปเป็นวาฬที่มีความยาวขนาดรถบัสนักเรียนสองคันต่อกันเลย” ดร.พเย็นสัน
และผู้ร่วมงานของเขาวัดซากดึกดำบรรพ์ของวาฬในพิพิธภัณฑ์ 140 ตัวอย่าง และใส่ข้อมูลเหล่านั้นเข้าไปในแบบจำลองทางสถิติ
ผลแสดงว่าในช่วงประมาณ 4.5
ล้านปีก่อน วาฬบาลีนในวงศ์ต่างกัน กลายร่างเป็นยักษ์ใหญ่ในเวลาใกล้เคียงกัน
โดยเป็นอิสระจากกัน วาฬสีน้ำเงินยักษ์ผุดขึ้นในมหาสมุทรทั่วโลกพร้อมไปกับวาฬหัวคันศรยักษ์
และวาฬฟินยักษ์ นักวิจัยสงสัยว่า การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นต้องเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้วาฬบาลีน
ขยายตัวขึ้น หลังจากการสืบสวนพวกเขาพบว่าในช่วงเวลานั้น
เป็นเวลาใกล้เคียงกับกับการที่แผ่นน้ำแข็งเริ่มปกคลุมซีกโลกเหนือเพิ่มมากขึ้น ของเหลวที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งน่าจะพัดพาเอาสารอาหารเช่นเหล็ก
ลงสู่น้ำบริเวณชายฝั่งและวัฏจักรของน้ำผุดตามฤดูกาลที่รุนแรงทำให้น้ำเย็นจากส่วนลึกของมหาสมุทรลอยตัวขึ้น
นำพาเอาสารอินทรีย์ขึ้นสู่ผิวน้ำ ผลกระทบทางนิเวศวิทยาทั้งสองต่างนำพาสารอาหารจำนวนมากลงสู่ผืนน้ำในช่วงเวลาและสถานที่เฉพาะ
ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องเป็นลำดับต่อสายใยอาหารในมหาสมุทร เมื่อฝูงแพลงก์ตอนสัตว์และเคยรุมกันเข้ามากินสารอาหารเหล่านี้ ก่อให้เกิดเป็นแพแพลงก์ตอนและเคยที่ทั้งหนาแน่นและกว้างยาวไปหลายไมล์
ทั้งยังมีความหนาถึง 65 ฟุต มหาสมุทรจึงกลายเป็นงานบุฟเฟต์แบบ ‘กินเท่าไรก็ได้
all you can eat’สำหรับวาฬทั้งหลาย เจอเรมี โกลด์โบเก็น นักสรีระวิทยาเปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและผู้เขียนรายงานนี้กล่าวว่า
”แม้ว่าวาฬจะมีอวัยวะเหมือนเครื่องจักรที่จะกินโดยการกรองมาเป็นเวลาช้านานแล้วก็ตาม
แต่ก็จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่มหาสมุทรก่อเกิดแพอาหารนี้แหละที่การกินอาหารจำนวนมากด้วยการกรองพัฒนาขึ้นจนมีประสิทธิภาพอย่างมาก” วาฬบาลีนสามารถกลืนเหยื่อจำนวนมากขึ้น ทำให้พวกมันตัวใหญ่ขึ้น นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสมการ
“หากมีอาหารมากมายทุกหนทุกแห่ง วาฬคงไม่กลายร่างเป็นยักษ์ได้” เกรแฮม สแลตเตอร์
นักชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก และผู้เขียนหลักของการศึกษานี้กล่าว
“แหล่งอาหารต้องอยู่แยกกัน และห่างไกลกันมาก”
เพราะว่าวัฏจักรทางนิเวศที่เป็นชนวนให้เกิดการระเบิดของจำนวนเคยและแพลงก์ตอนสัตว์นั้นเกิดขึ้นเป็นช่วงเวลา
ดร. สแลตเตอร์ กล่าวว่า วาฬต้องอพยพหลายพันไมล์จากแพอาหารแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง บรรพบุรุษวาฬตัวใหญ่ที่มีถังน้ำมันใหญ่ขึ้นมีโอกาสอยู่รอดในฤดูกาลอพยพอันยาวนานเพื่อหาอาหารมากกว่า
ในขณะที่วาฬบาลีนขนาดเล็กกว่าต้องสูญพันธุ์ไป ดร. สแลตเตอร์กล่าวว่า “ถ้าแพอาหารอยู่ไม่ไกลกันนัก
วาฬจะตัวโตขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ให้อยู่ได้อย่างสบายๆ ในสิ่งแวดล้อมเช่นนั้น
แต่มันจะไม่กลายร่างเป็นใหญ่ยักษ์อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้นี่หรอก” “วาฬสีน้ำเงินสามารถจะเดินทางได้ไกลกว่า
โดยใช้พลังงานน้อยกว่าวาฬที่มีรูปร่างเล็ก” ดร สแลตเตอร์กล่าว “การที่คุณตัวใหญ่กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเมื่อคุณต้องเดินทางไกล” อารี เอส ฟรีดเลนเดอร์ นักนิเวศวิทยาด้านพฤติกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโอเรกอนสเตท
ผู้ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษานี้ กล่าวว่า งานวิจัยนี้ช่วยทำให้เราเข้าใจดีขึ้นว่าวาฬบาลีนกลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ได้อย่างไร
สิ่งนี้ทำให้เราสามารถพูดได้ว่ามันมีกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งในมหาสมุทรซึ่งเปิดโอกาสให้สัตว์พวกนี้ตัวใหญ่ขึ้นมาได้เท่านี้
ริขาร์ด นอริส นักชีววิทยาเกี่ยวกับพืชและสัตว์โบราณ
แห่งสถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์ เรียกการศึกษานี้ว่า “ผลงานชิ้นเอก” และกล่าวว่า นี่เป็นการยืนยันความเข้าใจในปัจจุบันของนักวิทยาศาสตร์ถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“เมื่อเรานึกว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เคยเป็นอย่างไรบ้างนะในประวัติศาสตร์อันยาวนาน
วาฬเมื่อ 10 ล้านปีก่อนเป็นสัตว์ซึ่งต่างกันอย่างมากกับวาฬที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน” ดร.นอริสกล่าว “ในความรู้สึกของผมแล้ว เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาพิเศษซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกับความสง่างามของสัตว์ยักษ์ที่อยู่ในมหาสมุทรข้างนอกนั่น”
© 2016 ThaiWhales All Rights Reserved.